UFABETWINS หากเอ่ยถึง กัปตันสึบาสะ เชื่อว่าสิ่งแรกที่หลายคนนึกถึง คือ ท่าไม้ตายที่เวอร์วังอลังการ ซึ่งเป็นจุดขายของการ์ตูนเรื่องนี้

จนทำให้มันโด่งดังไปทั่วโลก ในขณะเดียวกัน นอกจากท่าไม้ตายเหนือโลกแล้ว อีกหนึ่งจุดเด่นของการ์ตูนเรื่องนี้ คือการนำคาแร็คเตอร์จากนักฟุตบอลที่มีชื่อเสียงจริง ๆ มาดัดแปลงเป็นตัวละครในเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น ริคาร์โด เอสปาดา ที่มามาจาก ฮอร์เก คัมโปส หรือ ฮวน ดิอาซ ที่มีต้นแบบจาก ดิเอโก มาราโดนา อย่างไรก็ดี สำหรับ โอโซระ สึบาสะ ตัวเอกของเรื่อง กลับเป็นคำถามว่าเขามีต้นแบบมาจากใครกันแน่ ? โดยหนึ่งในทฤษฎีที่พูดถึงกันมากที่สุด

คือผู้เล่นที่ชื่อว่า “มุซาชิ มิสุชิมะ” เขาคือใคร ? เหตุใดถึงถูกมองว่ามีความสำคัญจนเป็นต้นแบบตัวเอกของการ์ตูนที่เปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ฟุตบอลญี่ปุ่น ? ร่วมหาคำตอบไปพร้อมกับ Main Stand มังงะที่ได้แรงบันดาลใจจากนักเตะจริง ปฏิเสธไม่ได้ว่าหนึ่งในจุดเด่นของการ์ตูนญี่ปุ่น คือการนำเรื่องจริงมาเป็นวัตถุดิบ ก่อนจะดัดแปลง เสริมแต่งเป็นเรื่องราวหรือตัวละครในเรื่อง ที่นอกจากความบันเทิง ยังทำให้ผู้อ่านสนุกไปกับการสืบย้อน และค้นหาที่มาของสิ่งเหล่านั้น

แนวทางดังกล่าว ถูกใช้ในการ์ตูนหลายเรื่อง โดยสิ่งที่พบเห็นได้บ่อยครั้ง คือ ฉากหลัง การ์ตูนจำนวนไม่น้อย ใช้สถานที่จริงเป็นฉากของเรื่องราวในเรื่อง ยกตัวอย่างเช่นเรื่อง “ทัช ยอดรักนักกีฬา” ที่มีสนามกีฬาเมจิจิงงุ เป็นหนึ่งในสถานที่สำคัญ เช่นเดียวกับ “กัปตันสึบาสะ” การ์ตูนเรื่องฮิตจากปลายปากกาของ โยอิจิ ทาคาฮาชิ ที่แม้ว่าการ์ตูนเรื่องนี้ จะเต็มไปด้วยท่าไม้ตายที่เวอร์วังอลังการระดับวัวตายควายล้ม แต่ก็มีสิ่งหนึ่งอ้างอิงมาจากโลกจริง นั่นก็คือคาแร็คเตอร์

UFABETWINS

ของนักเตะในเรื่อง ด้วยความที่อาจารย์ โยอิจิ ทาคาฮาชิ ได้แรงบันดาลใจตั้งต้นในการเขียนการ์ตูนเรื่องนี้ จากการชมฟุตบอลโลก 1978 ที่อาร์เจนตินา ทำให้ตัวละครจำนวนไม่น้อย โดยเฉพาะนักเตะต่างชาติ ล้วนได้รับอิทธิพลมาจากนักเตะที่มีตัวตนอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็น คาร์ล ไฮนซ์ ชไนเดอร์ ที่มาจาก คาร์ล ไฮนซ์ รุมมินิกเก้ อดีตกองหน้าทีมชาติเยอรมันของ บาเยิร์น มิวนิค, จิโน เฮอร์นันเดซ ที่มีต้นแบบมาจาก ดิโน ซอฟฟ์ อดีตนายทวารจอมหนึบทีมชาติ

อิตาลี หรือ ซัลวาตอเร เจนติเล ที่มาจาก เคลาดิโอ เจนติเล อดีตกองหลังยูเวนตุส เช่นเดียวกับ ริคาร์โด เอสปาดา ที่มาจาก ฮอร์เก คัมโปส ผู้รักษาประตูจอมสีสันของเม็กซิโก หรือ มาร์ค โอไวรัน ที่มาจาก ซาอีด อัล-โอไวรัน อดีตดาวยิงซาอุดีอาระเบีย รวมไปถึง ฮวน ดิอาซ ที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก ดิเอโก มาราโดนา ยอดนักเตะหมายเลข 10 ของอาร์เจนตินา “ดิเอโก มาราโดนา ทำสิ่งพิเศษให้ผมเห็นอยู่เสมอ เขามักจะทำสิ่งตรงข้ามกับที่เราคิดไว้ เขาทำให้ตกใจอยู่เสมอ

สิ่งที่เขาตัดสินใจทำมักจะถูก เขาเป็นคนหนึ่งที่เป็นแรงบันดาลใจให้ผมสร้างเรื่องราว และอยู่เบื้องหลังคาแร็คเตอร์ของ ฮวน ดิอาซ” ทาคาฮาชิ ให้สัมภาษณ์กับ AS อย่างไรก็ดี แม้ว่านักเตะต่างชาติจะพอสืบได้ไม่ยากว่ามีที่มาจากนักเตะคนไหน แต่สำหรับนักเตะญี่ปุ่น ดูจะเป็นปริศนาสำหรับผู้อ่าน เพราะสมัยที่กัปตันสึบาสะตีพิมพ์เป็นครั้งแรก (ปี 1981) ฟุตบอลไม่ใช่กีฬายอดนิยมของญี่ปุ่น แถมนักเตะเลือดอาทิตย์อุทัยที่สร้างชื่อในระดับโลก ก็แทบไม่มี โดยเฉพาะ

โอโซระ สึบาสะ ตัวเอกของเรื่องที่เป็นคำถามว่าเขามีต้นแบบมาจากนักเตะในโลกจริงหรือไม่ เพราะเขาเป็นตัวละครที่มีคาแร็คเตอร์ค่อนข้างชัดเจนคนหนึ่งของเรื่อง เขาเป็นคนที่ชื่นชอบการเล่นฟุตบอลมาก และเชื่อว่า “ฟุตบอลคือเพื่อน” เขารักพวกพ้อง มีหัวใจที่ไม่ยอมแพ้ และมีความทะเยอทะยานที่จะก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองอยู่เสมอ ด้วยคุณสมบัติดังกล่าวทำให้หลายคนเชื่อว่า สึบาสะ อาจจะเป็นตัวละครที่ไม่ได้อ้างอิงมาจากนักเตะคนไหน โดยเกิดขึ้นจาก

จินตนาการของอาจารย์ทาคาฮาชิ ล้วน ๆ อย่างไรก็ดี มีข้อบ่งชี้ที่ทำให้สันนิษฐานได้ว่า สึบาสะ อาจมีต้นแบบมาจากนักเตะคนหนึ่ง และชื่อของเขาก็คือ “มุซาชิ มิสุชิมะ” อดีตผู้เล่นชาวญี่ปุ่นที่ค้าแข้งอยู่ในช่วงทศวรรษที่ 80s-90s อะไรที่ทำให้หลายคนเชื่ออย่างนั้น ? ต้นแบบสึบาสะ ชีวิตของมิสุชิมะ ดูเหมือนจะต่างจากเด็กญี่ปุ่นทั่วไปในยุคนั้น เพราะเขาผูกพันกับฟุตบอลมาตั้งแต่เด็ก แทนที่จะเป็นเบสบอล กีฬายอดนิยมของชาวอาทิตย์อุทัย เนื่องมาจากพ่อของเขาชื่นชอบ

ในกีฬาชนิดนี้ จากการมีพื้นเพเป็นคนจังหวัดชิสุโอกะ จังหวัดที่ขึ้นชื่อว่า “บ้าบอล” ที่สุดในญี่ปุ่น เขาเริ่มเล่นฟุตบอลตั้งแต่อายุเพียง 3 ขวบ และมีฝีเท้าที่โดดเด่นเกินวัย ตอนอายุ 5 ขวบ เขาสามารถข้ามขั้นไปเล่นกับเด็ก ป.6 (12 ปี) ได้อย่างสบาย ตอนขึ้นชั้นประถม (7 ขวบ) มิสุชิมะ จึงถูกส่งไปเรียน ที่โรงเรียนประถมฟูจิเอดะ จังหวัดชิสุโอกะ ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีชื่อเสียงในเรื่องฟุตบอล เพื่อเพิ่มพูนศักยภาพของเขา ในตอนนั้น เขาไปอาศัยอยู่กับ ฮิโรยูกิ อุสึอิ

ที่ต่อมาได้เป็นนักเตะทีมชาติญี่ปุ่น แต่เขาก็อยู่โรงเรียนฟูจิเอดะได้เพียงแค่ปีเดียว เพราะในปีต่อมา (1972) มิสุชิมะ ได้รับการแนะนำจาก ริวอิจิ ซุงิยามะ อดีตนักเตะทีมชาติญี่ปุ่น ให้ย้ายไปเรียนที่โรงเรียนประถมชิมิสุสึจิ ซึ่งถือว่าเป็นโรงเรียนประถมที่แข็งแกร่งด้านฟุตบอลที่สุดในญี่ปุ่น “โรงเรียนประถมสึจิมีชมรมฟุตบอลที่อยู่ในระดับแนวหน้าของประเทศในรุ่นประถม แต่ถึงอย่างนั้น ว่ากันว่ามิสุชิมะ ที่อยู่ ป.3 ก็มีเทคนิคที่สามารถลงแข่งกับเด็กที่อายุมากกว่าได้อย่างสบาย”

ฮิราบายาชิ โทชิฮิโกะ บรรยายไว้ในหนังสือ “มุซาชิ เด็กอายุ 17 ที่ออกไปท้าทายโลก” ฝีเท้าของเขาดูเหมือนจะพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง และด้วยความที่พ่อของเขาหลงใหลในฟุตบอลบราซิลอยู่แล้ว บวกกับสมัยนั้นคนญี่ปุ่นนิยมส่งลูกไปเรียนต่างประเทศที่บราซิล ทำให้ในปี 1975 มิสุชิมะ ถูกส่งไปเรียนศาสตร์ด้านลูกหนังที่แดนแซมบ้าด้วยวัยเพียง 10 ปีเท่านั้น เขาได้เข้าไปอยู่ในทีมเยาวชนของ เซา เปาโล หนึ่งในสโมสรยักษ์ใหญ่ของบราซิล โดยพักอยู่กับชาวบราซิล

เชื้อสายญี่ปุ่น ซึ่งทำให้เขาได้เข้าไปเรียนในโรงเรียนท้องถิ่น จนได้เรียนรู้ภาษาและวัฒนธรรมของที่นั่นไปพร้อมกับการเล่นฟุตบอล ชีวิตที่บราซิล ดูเหมือนจะไปได้สวย เมื่อมิสุชิมะ ที่เล่นในตำแหน่งกองกลางตัวรุกและกองหน้า ทำผลงานได้อย่างโดดเด่นในทีมเยาวชนของ เซา เปาโล หลังซัดประตูได้อย่างถล่มทลายจน คว้ารางวัลดาวซัลโวและผู้เล่นยอดเยี่ยม รวมไปถึงผู้เล่นจอมเทคนิค ในการแข่งขันรุ่นอายุต่ำกว่า 12 ปีหลายรายการ ผลงานดังกล่าวทำให้เขา

ถูกเลื่อนขั้นไปเล่นในทีมรุ่นถัดไปอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่ในปี 1978 เขาจะถูกดันขึ้นไปเล่นในรุ่น Juvenil (รุ่นอายุไม่เกิน 18 ปี) ทั้งที่เพิ่งอายุเพียงแค่ 14 ปีเท่านั้น และทำให้เขากลายเป็นนักเตะคนแรกในประวัติศาสตร์ของ เซา เปาโล ที่ได้ข้ามรุ่น และได้เป็นกัปตันของทีมรุ่นนั้นอีกด้วย หลังจากใช้ชีวิตอยู่ในแดนกาแฟมา 9 ปีเต็ม เดือนกันยายน 1984 สิ่งที่มิสุชิมะ รอคอยมาตลอดก็มาถึง เมื่อ เซา เปาโล ตัดสินใจมอบสัญญาอาชีพอย่างเป็นทางการ และเขาก็ไม่รอช้าจรดปากกา

UFABETWINS

เซ็นมันทันที ซึ่งทำให้เขากลายเป็นนักเตะญี่ปุ่นคนแรกในประวัติศาสตร์ของฟุตบอลบราซิล (ก่อน “คิง คาซู” คาสุโยชิ มิอุระ เซ็นกับ ซานโตส 2 ปี) ในขณะเดียวกัน การเซ็นสัญญาในครั้งนั้น ยังทำให้เขากลายเป็นชาวญี่ปุ่นคนที่ 3 ต่อจาก ยาสุฮิโกะ โอคุเดระ อดีตกองกลาง โคโลญจน์ และ คาสุโอะ โอซากิ อดีตกองหน้า อาร์มิเนีย บีเลเฟลด์ ที่ได้เซ็นสัญญาเป็น “นักเตะอาชีพ” อีกด้วย นอกจากนี้ การได้เซ็นสัญญาครั้งดังกล่าว ยังทำให้เขามีชื่อเสียงโด่งดังในญี่ปุ่น

ในฐานะนักเตะประวัติศาสตร์ และได้เป็นพรีเซ็นเตอร์สินค้าอีกหลายรายการ และที่สำคัญ มันทำให้เขาถูกมองว่าเป็นต้นแบบของ โอโซระ สึบาสะ เรื่องจริง | จินตนาการ แม้จะไม่มีคำยืนยันอย่างเป็นทางการจากปากของอาจารย์ทาคาฮาชิ แต่แหล่งข้อมูลหลายแห่งระบุตรงกันว่า มิสุชิมะ คือนักเตะที่เป็นต้นแบบให้กับสึบาสะ หนึ่งในนั้นคือ Sponichi สื่อกีฬาชื่อดังของญี่ปุ่นที่พาดหัวพูดถึงมิสุชิมะว่า “ต้นแบบกัปตันสึบาสะ” ในข่าวที่เขารับตำแหน่งคุมทีมฟูจิเอดะ MYFC

เมื่อปี 2014 เหตุผลก็คือชีวิตของทั้งคู่มีส่วนที่คล้ายกันมาก เริ่มตั้งแต่การใช้ชีวิตวัยเด็กที่จังหวัดชิสุโอกะ อย่างที่ทราบกันดี สึบาสะนั้นย้ายมาอยู่ที่เมืองนันคัตสึ (เมืองที่สมมติขึ้นมา) ในจังหวัดแห่งนี้ ตั้งแต่อายุยังน้อย ในขณะที่ มิสุชิมะ แม้จะเกิดที่โตเกียว แต่ก่อนจะไปบราซิล เขาก็ถูกพ่อส่งมาเรียนฟุตบอลที่จังหวัดชิสุโอกะแห่งนี้ พวกเขายังมีลักษณะที่คล้ายกันคือเล่นในตำแหน่งกองกลางตัวรุก หรือกองหน้าเหมือนกัน (สึบาสะเคยเล่นเป็นกองหน้าในช่วงเวลาสั้น ๆ)

และเป็นนักเตะที่มีฝีเท้าที่โดดเด่นกว่าเพื่อนร่วมรุ่นมาตั้งแต่สมัยเด็ก ๆ ในขณะเดียวกัน ทั้งมิสุชิมะ และสึบาสะ ยังมีจุดร่วมที่เหมือนกันคือความเกี่ยวข้องกับบราซิล และที่สำคัญพวกเขายังเกือบได้ไปเรียนศาสตร์ด้านลูกหนังที่ดินแดนกาแฟในเวลาที่ไล่เลี่ยกัน เพราะแม้ว่าสึบาสะ จะได้ไปบราซิลตอนอายุ 15 (หลังจบ ม.ต้น) ต่างจากมิสุชิมะ ที่ไปอยู่ที่นั่นตอนอายุ 10 ขวบ แต่ตอนอายุ 12 ปี (จบชั้นประถม) สึบาสะเองก็เกือบได้ไปบราซิล ตามคำชวนของ โรแบร์โต ฮอนโง

แต่สุดท้ายต้องผิดหวัง เมื่อโรแบร์โต ผิดสัญญา แถมในความเป็นจริง ตามเส้นเรื่องที่อาจารย์ทาคาฮาชิวางไว้ สึบาสะ ควรได้ไปบราซิลตั้งแต่ตอนนั้น เพียงแต่ว่าความโด่งดังเป็นพลุแตกของ ฮิวงะ โคจิโร คู่แข่งของสึบาสะในระดับประถม ทำให้การไปบราซิลของเขาต้องเลื่อนออกไป

 

คลิ๊กเลย >>> UFABETWINS

อ่านข่าวเพิ่ม >>> บ้านผลบอล