UFABETWINS ย้อนกลับไปสมัยที่ยังไม่มีการแบ่ง #ทีมPES หรือ #ทีมFIFA ในหมู่นักเล่นเกมชาวไทย ยุคสมัยนั้นแม้จะมีเกมฟุตบอลจำนวนไม่น้อย

แต่ไม่มีเกมไหนอยู่ในใจได้เท่ากับ “วินนิ่ง” หรือ Winning Evelen ต้นตระกูลของ PES หรือ Pro Evolution Soccer อีกเเล้ว ค่าพลังไม่ละเอียด, ภาพไม่สวย, ฟังเสียงพากย์ไม่รู้เรื่อง นั่นไม่ใช่ปัญหา เพราะสิ่งที่แลกมาคือความมันและความทรงจำที่แม้แต่ทุกวันนี้ก็ยังไม่ลืม หนึ่งในนั้นคือเรื่องความเก่งกาจของนักเตะในตัวเกมวินนิ่งภาคเก่า ๆ และแน่นอนหากจะนึกถึงใครสักคน พาทริก เอ็มโบม่า คือหนึ่งไฮไลต์ที่พลาดไปไม่ได้ คอวินนิ่งทุกคนรู้ โลกรู้ เอ็มโบม่า คือเจ้าของค่า

พลังชู้ตพาวเวอร์ 9 … ยิงทีวัวตายควายล้ม เข้าระยะเป็นตุงตาข่ายทุกครั้งไป แต่ในโลกแห่งความจริงล่ะ ? มีใครเคยเห็นเขายิงจริง ๆ หรือเปล่าว่ามันแรงเหมือนในเกมไหม ? ถ้าใช่ มันแรงขนาดไหน ? และถ้าไม่ ทำไมในเกมถึงยิงโหดเว่อร์เบอร์นั้น ? ติดตามเรื่องราวทั้งหมดได้ที่นี่ นักเตะที่เรารู้จักในเกมเป็นอย่างดี สำหรับแฟนเกมชาวไทย เชื่อว่าน่าจะเริ่มคุ้นเคยกับเสียงของเขาตั้งแต่วินนิ่ง 3 หรือชื่อเต็มว่า “เวิลด์ ซ็อคเกอร์ วินนิ่ง อีเลฟเว่น 3 ไฟนอล เวอร์ชั่น” ซึ่งออกมา

ในช่วงกระแสฟุตบอลโลก 1998 แม้ความจริงแล้ว วินนิ่ง มีมาก่อนหน้านั้น บริษัทผู้ผลิตอย่าง โคนามิ พัฒนาตัวเกมมาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ภาคแรกในปี 1994 กับชื่อ เพอร์เฟ็กต์ อีเลฟเว่น (ซูเปอร์แฟมิคอม), ก่อนจะเป็น โกล สตรอม (เพลย์สเตชั่น) ในปี 1995, วินนิ่ง อีเลเว่น เจลีก 1996 และมาลงเอยกับภาคที่คนไทยจำได้ที่สุดนั่นคือ วินนิ่ง อีเลฟเว่น ไฟนอล เวอร์ชั่น ในปี 1998 ส่วนเหตุผลที่เราต้องพูดกันถึงเรื่องตัวเกมภาคเก่า ๆ ก่อนที่จะมาพูดถึง พาทริก เอ็มโบม่า นั่นก็

เพราะว่าเรื่องนี้มันมีส่วนเกี่ยวข้องที่ทำให้ค่าพลังของเขาในเกม วินนิ่ง พุ่งกระฉูด จนชาวไทยคุ้นหูจากเสียงคนพากย์อย่าง จอน คาบิรา ว่า … เอ็มโบม่าาาา ซือโททททท! ทั้ง ๆ ที่ตัวเกม ณ เวลานั้น ชื่อนักเตะยังเป็นภาษาญี่ปุ่นอยู่เลยด้วยซ้ำ เหตุผลที่ เอ็มโบม่า เก่งในเกมขนาดนั้น ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะค่าพลังในตัวเกมภาคเก่า ๆ ไม่ได้มีค่าความสามารถที่ละเอียดอะไรมากนัก หากใครที่เคยเล่นก็น่าจะรู้จักกันดี นักเตะคนใดที่มีสปีดสูงระดับ 8-9 นั้นจะได้เปรียบในการเล่น

เป็นอย่างมากเพราะวิ่งแซงได้เกือบทุกคน และค่าพลังที่สำคัญที่สุดอีกอย่างหนึ่งคือ ชู้ตพาวเวอร์ หรือ ค่าพลังยิงเเรง นั้น หากใครที่มีค่าพลังถึง 9 ก็เรียกได้ว่า หันหน้าไปทางไหน ใส่ครึ่งหลอดเมื่อไหร่รับรองตาข่ายกระจุยแน่นอน โรแบร์โต้ คาร์ลอส และ กาเบรียล บาติสตูต้า คือนักเตะที่มีค่าพลังชู้ตพาวเวอร์ 9 ที่คนไทยคุ้นหูกันดีอยู่แล้ว เพราะทั้งคู่เป็นนักเตะดัง เล่นในลีกใหญ่ แม้จะเป็นยุคที่การถ่ายทอดสดฟุตบอลไม่มากเท่าทุกวันนี้ แต่ชื่อของทั้ง 2 ก็ปรากฎบนสื่อ และ

UFABETWINS

หน้าข่าวกีฬาเสมอ ขณะที่อีกหนึ่งอย่าง เอ็มโบม่า นั้นค่อนข้างจะแตกต่างออกไปสักหน่อย เพราะย้อนกลับไปก่อนฟุตบอลโลก 1998 ที่ฝรั่งเศสจะมาถึงนั้น เขาไม่เคยลงเล่นในลีกดัง หรือมีชื่อเสียงเหมือนกับ คาร์ลอส และ บาติโกล เรียกได้ว่าห่างชั้นกันพอสมควรเลยทีเดียว แต่ค่าพลัง สปีด 8 ชู้ตพาวเวอร์ 9 ของเขา คือซิกเนเจอร์ที่ทำให้คอเกมรู้จักตัวเขา (ในเกม) มากกว่าในชีวิตจริง เมื่อบวกกับนักเตะทีมชาติแคเมอรูนอีกหลาย ๆ คนที่มีสปีด 8 ก็ทำให้มีคอวินนิ่งชาวไทย

หลายคนเลือกที่จะใช้ แคเมอรูน ในการดวลกับเพื่อนหรือกับ AI เพราะเป็นทีมที่ค่อนข้างสมดุลทั้งรุกและรับ นักเตะตัวใหญ่, เร็ว และมีกองหน้าอย่าง เอ็มโบม่า ที่ใส่สกอร์ได้ดีไม่แพ้ใคร ดังนั้นเอง เอ็มโบม่า จึงกลายเป็นภาพจำในตำแหน่งกองหน้าร่างใหญ่วิ่งเร็วยิงแรง แม้กระทั่งตัวเกมอัพเดทไปยังภาค วินนิ่ง 4 ในเวลาต่อมา เอ็มโบม่า ก็ยังโหดไม่เปลียนแปลง ยิ่งภาค วินนิ่ง 4 ที่ค่าพลังไม่ตกลงไปเลย หนำซ้ำยังโหดยิ่งกว่าเก่าด้วยระบบบังคับเกมที่ดีขึ้น อีกทั้งเกมยังจับเจ้าตัว

ใส่สตั๊ดสีเเดง ยิ่งจำง่ายและเด่นกว่าเดิมเยอะ เมื่อภาคนี้ชื่อของนักเตะถูกเปลี่ยนเป็นภาษาอังกฤษ ทำให้คอเกมชาวไทยสะกดง่ายขึ้นกว่าเดิม เมื่อนั้นหลายคนจึงเข้าใจตรงกันแบบไม่ต้องเดาจากเสียงพากย์อีกต่อไป ชื่อของเขาเขียน “M’Boma” ชัดเจนเเละแน่นอน หลังจากนั้นตำนาน เอ็มโบม่า ก็โด่งดังมาจนถึงทุกวันนี้ เหตุผลของคนโหด ก่อนจะแมสในเกม เอ็มโบม่า ตัวจริงนั้นลงเล่นในลีกเอิงของฝรั่งเศส ดีที่สุดคือเล่นให้กับ เปแอสเช ในยุคที่ไม่ได้ร่ำรวยยิ่งใหญ่เหมือนทุก

วันนี้ และลงเล่นแค่ 23 เกม ยิงได้แค่ 6 ลูกเท่านั้น ซึ่งต้องยอมรับว่านาทีนั้นสำหรับคอบอลหรือคอเกมชาวไทย น้อยคนมากที่จะได้ดูฟุตบอลฝรั่งเศส ดังนั้นจึงไม่แปลกอะไรที่ตัวของ เอ็มโบม่า ยังเป็น Nobody สำหรับหลาย ๆ คนในตอนนั้น ทว่าจุดเริ่มต้นของค่าพลังสุดโหดเริ่มจากปี 1997 เมื่อ เอ็มโบม่า ที่ไม่ประสบความสำเร็จในลีกฝรั่งเศสมากนัก ย้ายมาค้าแข้งในญี่ปุ่นกับ กัมบะ โอซาก้า ในช่วงต้น ๆ ยุค 90s ฟุตบอลญี่ปุ่นกำลังเปลี่ยนโครงสร้างมาเป็นลีกอาชีพ และเริ่มมี

การดึงนักเตะต่างชาติเข้ามาเล่นกันมากหน้าหลายตา อาทิดาวดังในอดีตอย่าง ซิโก้ ตำนานทีมชาติบราซิล และ ไมเคิล เลาดรูป กองหน้าทีมชาติเดนมาร์ก ค่านิยมที่แฟนบอลญี่ปุ่นคาดหวังในตัวนักเตะต่างชาติในแต่ละสโมสร ณ เวลานั้นคือ “ต้องเก่ง” กว่านักเตะท้องถิ่นอย่างชัดเจน หรือต้องแบกทีมได้ ซึ่ง เอ็มโบมา เข้ามาและสร้างแรงกระเพื่อมมากกว่าใคร ณ เวลานั้น เอ็มโบม่า คือสุด ๆ ในเวลานั้น เขาอยู่ในช่วงที่ดีที่สุดในชีวิตค้าแข้งด้วยอายุ 28 ปี เรื่องสถิติการยิงประตูไม่

ต้องพูดถึง ปีแรกกับ กัมบะ เขายิงไป 29 ลูกจากการลงเล่น 34 นัด แต่สิ่งที่มีอิทธิพลจนนำไปสู่ค่าพลังชู้ตพาวเวอร์ 9 ใน วินนิ่ง นั้นคือแต่ละประตูในชีวิตจริงที่เขาจริงได้ เป็นประเภทจัดหนักเต็มข้อ โกลได้แต่ยืนมองเท่านั้น ลูกแรกที่ เอ็มโบม่า ยิงประตูได้ในเจลีก คือเกมที่พบกับ เบลล์มาเร ฮิรัตสึกะ (โชนัน เบลล์มาเร ในปัจจุบัน) เกมนั้นคือปฐมบทลูกยิงวัวตายควายล้มอย่างแท้จริง เขาโชว์ลีลา กระดกบอลด้วยเท้าขวา ก่อนกระดกบอลหลบกองหลังอีกครั้งด้วยเท้าซ้ายเพื่อหา

ช่องยิงประตู และขณะที่บอลลอยอยู่กลางอากาศ เอ็มโบม่า หมุนตัวฮาล์ฟวอลเล่ย์ด้วยเท้าซ้าย เปรี้ยง! บอลพุ่งเสียบเข้าสามเหลี่ยม … เปิดตัวด้วยลูกยิงแบบนี้มันจะไม่เป็นที่จดจำได้อย่างไร? 29 ประตูในลีก เจลีก 1997 ของ เอ็มโบม่า นั้นเป็นการยิงนอกกรอบด้วยเท้าซ้ายถึง 8 ลูก ส่วนประตูอื่น ๆ ก็มีความเหนือชั้นและคลาสสิกมากมาย ทั้งการชิปจากมุมที่แทบไม่เหลือ การโหม่งทำประตูทั้ง ๆ ที่ตัวเกือบออกนอกเขตโทษ หากจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพก็ ดิโอโก้ หลุยส์ ซาน

โต กองหน้าของ บุรีรัมย์ ที่เข้ามาเป็นปรากฎการณ์ในไทยลีกนั่นเอง เรื่องนี้ไม่ใช่การเทียบกันเรื่องความเก่งของ เอ็มโบม่า กับ ดีโอโก้ แต่สิ่งที่เราะพยายามเปรียบเทียบคือ “อิมแพ็คต์” ที่แบ่งคลาสระหว่างนักเตะระดับเกรด S และเกรด A ของลีกได้ชัดเจนที่สุด คนสร้างเกมเห็นกับตา อย่างที่ทุกคนรู้กัน โคนามิ คือบริษัทผลิตเกมสัญชาติญี่ปุ่น ดังนั้นการที่ เอ็มโบม่า ค้าแข้งและโชว์ฟอร์มระดับนรกแตกในญี่ปุ่น มันเป็นอะไรที่เข้าใจง่ายมากว่า ทำไมพวกเขาจึงไม่ลังเลที่จะ

ใส่ค่าพลังของเอ็มโบม่าให้ครบสูตร ทั้งความแข็งแกร่ง, ความเร็ว และสำคัญที่สุดคือการยิงประตูด้วยเท้าที่หนักกว่าใครเพื่อน เรื่องความหนักของการยิงนั้นไม่มีอะไรต้องสงสัยในตัวเอ็มโบม่าอีกแล้ว เพราะอย่างที่กล่าวไป ด้วยคุณภาพของแต่ละประตูที่ยิงมันชัดเจนอย่างที่สุด แต่เหนือสิ่งอื่นใด การเล่นในญี่ปุ่นของ เอ็มโบม่า ทำให้คนญี่ปุ่นเห็นภาพชัดเจนเเจ่มเเจ๋ว เพราะเขามีประตูและความมหัศจรรย์ได้เห็นทุกสัปดาห์ มันจึงง่ายต่อการวิจัย, เก็บสถิติ และนำข้อมูลมาแปลงเป็น

UFABETWINS

พลังในเกม ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ค่าพลังต่าง ๆ ของเขาจะทัดเทียมดาวยิงระดับโลกอย่าง บาติสตูต้า อย่างไรก็ตาม จะบอกว่า “ญี่ปุ่นอวย” เอ็มโบม่า เกินจริงก็คงไม่ถูกนัก เพราะด้วยแนวทางการสร้างเกมของ โคนามิ นั้นเน้นความสมจริง มองโลกแห่งความจริงพอสมควร ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดคือทีมชาติญี่ปุ่นของพวกเขาเองนั่นแหละที่ยืนยันเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี หากใครที่ยังทันเล่นเกมภาคเก่า ๆ จะพบว่า ญี่ปุ่น เป็นทีมที่เล่นยาก เพราะค่าพลังนักเตะน้อยมาก ซึ่งก็คงไม่แปลก

อะไรสำหรับชาติที่ไปฟุตบอลโลกครั้งแรกในปี 1998 ที่พวกเขาจะมองว่านักเตะของตนเองยังห่างชั้นจากทีมแถวหน้า หรือแม้กระทั่งทีมชาติแคเมอรูน ของ เอ็มโบม่า ไปโดยปริยาย กีฬาญี่ปุ่นมีแนวคิดที่เรียกว่า Shin Gi Tai โดย Shin แปลว่า “ใจ” หมายถึงพลังใจในการแข่งขัน ไม่ยอมพ่ายแพ้ ส่วน Gi คือทักษะที่ใช้ในการแข่งขัน และ Tai ก็คือร่างกายที่แข็งแรง ซึ่งต้องมีทั้งสามอย่างนี้ควบคู่ไปด้วยกัน … ทั้ง 3 สิ่งนี้สะท้อนถึง “จิตวิญญาณซามูไร” ของชาวญี่ปุ่น ที่ไม่กลัวการ

เจอกับอุปสรรคไม่ว่าใหญ่แค่ไหน พวกเขาต้องการพิสูจน์ตัวเอง ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด เมื่อทุกอย่างรวมกันสามารถทดแทนความเก่งในรายบุคคลได้นั่นเอง สืบทอดรุ่นต่อรุ่น : จิตวิญญาณซามูไรที่สะท้อนออกมาจากนักกีฬาญี่ปุ่น วกกลับมาปิดเรื่องกันที่ เอ็มโบม่า อีกสักหน่อย ด้วยเหตุผลที่กล่าวมา อันประกอบด้วย การสร้างอิมแพ็คต์ในเจลีกทันทีที่มาถึง, การเล่นในประเทศที่เป็นผู้ผลิตเกม และ ตัวเกมในสมัยนั้นที่ค่าพลังยังไม่สมดุลมากนัก แค่วิ่งเร็ว, ยิงแรง,

แข็งแกร่ง ก็ ทำให้ เอ็มโบม่า โหดระดับต้น ๆ ของนักเตะในเกมทั้งหมด หากจะเป็นรองก็น่าจะแพ้ให้กับพวก โรนัลโด้ หรือ บาติสตูต้า เท่านั้นเอง หลังจากจบศึกฟุตบอลโลกและสร้างชื่อในวงการเกมกับ วินนิ่ง 3 แล้ว เอ็มโบม่า ก็ได้โอกาสย้ายไปเล่นในอิตาลี ที่ ณ เวลานั้นถือเป็นลีกยอดนิยมของชาวญี่ปุ่น และเข้าถึงชาว

ไทยได้มากกว่า เจลีก หรือ ลีกเอิง ที่เขาเคยเล่นหลายเท่านัก ดังนั้นภาพของ เอ็มโบม่า ในความทรงจำคอบอลก็ชัดเจนขึ้นมากเรื่อย ๆ โดยเฉพาะช่วงที่เขาเล่นให้กับทีม ปาร์ม่า ทีมยอดนิยมของคอบอลยุค 90s เมื่อนั้นชื่อเสียงของ เอ็มโบม่า ตัวจริง ก็เริ่มไล่ตามชื่อเสียงของ M’Boma ในเกมขึ้นมาตามลำดับนั่นเอง